วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

โรคปอดฝุ่นฝ้ายหรือโรคบิสสิโนสิส (Byssinosis)

          โรคปอดฝุ่นฝ้าย บิสสิโนสิส หนึ่งในอันตรายของคนที่ทำงานหรือต้องสัมผัสกับสิ่งทอต่าง ๆ เป็นเวลานาน ไม่ใช่แค่หนุ่มสาวโรงงานเท่านั้น แม้แต่ช่างตัดเสื้อก็ยังเสี่ยง

          การทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม นอกจากจะต้องระมัดระวังความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้เครื่องมือต่าง ๆ แล้ว การที่ต้องสัมผัสและสูดรับเอาฝุ่นละอองต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายทุกวัน ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้ป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับสิ่งทอต่าง ๆ อาจป่วยด้วยโรคบิสสิโนสิส หรือ โรคปอดฝุ่นฝ้าย ได้เช่นกัน กระปุกดอทคอม ชวนมาทำความรู้จักกับโรคนี้ พร้อมวิธีป้องกัน

อาการของโรคปอดฝุ่นฝ้าย ร้ายแรงหรือไม่?

          ผู้ที่สูดเอาใยสิ่งทอเข้าสู่ร่างกายจนสะสมนาน ๆ ส่วนใหญ่คือเกิน 2 ปีขึ้นไป จะมีอาการไอ แน่นหน้าอก หายใจเหนื่อยหอบ มักเกิดในชั่วโมงต้น ๆ ของการทำงาน โดยเฉพาะในตอนเช้าวันแรกของการทำงานหลังจากวันหยุดสุดสัปดาห์ แล้วอาการจะทุเลาลงในตอนเย็น แต่วันถัดมา อาการจะค่อย ๆ ลดลงจนดีขึ้นเกือบเป็นปกติเมื่อได้หยุดพักในวันหยุดงาน แต่หากกลับมาทำงานใหม่ก็จะมีอาการนี้ตามมาอีก การตรวจสมรรถภาพปอดในระยะนี้อาจไม่พบสิ่งผิดปกติ

          ทั้งนี้อาจมีบางรายที่มีอาการเรื้อรังเกิดขึ้นทุกวัน และมีอาการของโรคดังกล่าวตลอดไปทุกวันร่วมกับการลดลงของสมรรถภาพปอดอย่างถาวร

 4 ระยะของโรคปอดฝุ่นฝ้าย บิสสิโนสิส

           ระยะที่ 1 มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก หรือไอเป็นครั้งคราวในวันจันทร์ หรือวันแรกที่กลับเข้าไปทำงาน

           ระยะที่ 2 มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก หรือหายใจเร็วกว่าปกติทุก ๆ วันจันทร์ หรือวันแรกของสัปดาห์ที่เริ่มกลับเข้าทำงาน

           ระยะที่ 3 มีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก หรือหายใจเร็วกว่าปกติทุกวันจันทร์ หรือวันแรกที่กลับเข้าทำงาน รวมทั้งยังมีอาการนี้ต่อเนื่องไปถึงวันอื่น ๆ ของสัปดาห์ด้วย

           ระยะที่ 4 มีอาการเหมือนระยะที่ 3 ร่วมกับภาวะหายใจล้มเหลว และการลดลงของสมรรถภาพปอดอย่างถาวร

 แล้วทำไมฝุ่นฝ้ายจึงทำให้เกิดโรคได้ ?

          ในปัจจุบันนี้กลไกการเกิดโรคบิสสิโนสิสยังไม่ชัดเจน แต่ก็มีข้อมูลสนับสนุนอยู่ 3 ข้อ คือ

           ในฝุ่นฝ้ายมีสารโมเลกุลขนาดเล็กชนิดหนึ่งที่ไปกระตุ้นให้เกิดการหลั่งฮิสตามิน จึงทำให้เกิดโรคดังกล่าว

           การสัมผัสฝุ่นฝ้ายเป็นเวลานาน ๆ ทำให้ระบบทางเดินหายใจส่วนบนและหลอดลมเกิดการระคายเคือง นาน ๆ เข้าจึงเกิดภาวะโรคทางเดินหายใจอุดกั้นแบบเรื้อรัง

           อาจเป็นเพราะปฏิกิริยาของร่างกายต่อสาร Endotoxin ที่พบในเชื้อแบคทีเรียแกรมลบที่ปนเปื้อนมากับฝุ่นฝ้าย ทำให้เกิดโรคบิสสิโนสิสขึ้น
รักษาอย่างไร หากป่วยโรคปอดฝุ่นฝ้าย

          เนื่องจากเป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการสูดละอองฝุ่นฝ้ายเข้าไป การรักษาที่ดีที่สุดก็คือต้องไม่สูดรับฝุ่นละอองเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายอีก โดยจำเป็นต้องย้ายไปทำงานที่แผนกอื่นซึ่งไม่มีฝุ่นฝ้าย แล้วใช้การรักษาพยาบาลโดยใช้ยาขยายหลอดลม เพื่อลดการเกร็งและการอุดกั้นของหลอดลม รวมทั้งยาลดการอักเสบ

          แต่หากสูดหายใจเอาฝุ่นฝ้ายเข้าร่างกายไปนานแล้วจนมีอาการเรื้อรัง จะต้องรักษาเหมือนกับการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และโรคถุงลมโป่งพอง รวมทั้งจำเป็นต้องเปลี่ยนงานใหม่ เพื่อให้สุขภาพดีขึ้น


โรคฝุ่นหินหรือโรคซิลิโคสิส (Silicosis)

โรคฝุ่นหินหรือโรคซิลิโคสิส (Silicosis)
สาเหตุ

โรคปอดฝุ่นหิน หรือ โรคซิลิโคสิส (silicosis) เป็นโรคที่เกิดขึ้นเนื่องจาก การสูดหายใจเอาฝุ่นทรายหรือฝุ่นหินต่างๆ ที่มีสาร ซิลิคอนไดออกไซด์
หรือเรียกว่าผลึกซิลิก้าเข้าไปในปอด ซึ่งส่วนมากจะพบในหินทราย โดยเฉพาะฝุ่นที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.05-5 ไมครอน ซึ่งสามารถเข้าไป
อยู่ในถุงลมปอดได้ โดยจะถูกเม็ดเลือดขาวในปอดจับกิน และมีผลทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อเนื้อปอด ซึ่งต่อมาจะก่อให้เกิดพังผืดที่เนื้อปอด เมื่อยัง
คงหายใจเอาฝุ่นที่มีซิลิกอนไดออกไซด์เข้าไปในปอดอย่างต่อเนื่องมากขึ้น และการป้องกันควบคุมไม่เหมาะสม ในที่สุดจะทำให้เนื้อปอดเสีย
เป็นวงกว้าง จนทำให้ปอดไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
ลักษณะของงานที่เกิดฝุ่นซิลิก้า

เช่น การโม่  บด  ย่อยหิน/แร่ ต่างๆ งานก่อสร้างหรืองานที่เกี่ยวข้องกับ หิน ทรายซีเมนต์ งานทำแก้ว
เซรามิค อิฐ ภาชนะดินเผา กระเบื้อง  การหล่อโลหะ การยิงทราย การเจียรนัย เพชร พลอย ฯลฯ




อาการของโรค อาการของโรคเกิดได้เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับปัจจัย ดังนี้
    - ปริมาณฝุ่นหินหรือทรายในบรรยากาศขณะทำงาน มีมาก หรือน้อย
    - เปอร์เซ็นต์ของสารซิลิคอนไดออกไซด์ ถ้ามีปริมาณสูงก็ก่อให้เกิดโรค ได้เร็วขึ้น
    - ระยะเวลาที่หายใจเอาฝุ่นหินหรือทรายเข้าสู่ร่างกาย ถ้าทำงานกับฝุ่นหินหรือทรายเป็นเวลานานก็จะมีโอกาสเป็นโรคนี้ได้เร็วกว่า
      ผู้ที่สัมผัสกับสารในระยะเวลาสั้น

อาการพิษแบบเฉียบพลัน  มักพบในผู้ที่สัมผัสฝุ่นซิลิคอนไดออกไซด์ในปริมาณมากโดยไม่มีการป้องกัน โดยมีอาการหอบ เหนื่อย
หายใจลำบาก เขียวคล้ำ เป็นไข้ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

อาการพิษแบบเรื้อรัง คือสัมผัสฝุ่นซิลิคอนไดออกไซด์เป็นเวลานาน ในปริมาณไม่มากนัก จะมีอาการเหนื่อยง่ายเวลาออกแรง
มีอาการไอแห้ง ๆ มีอาการของหลอดลมอักเสบ บางครั้งมีอาการไอเป็นเลือด ร่างกายทั่วไปไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากจนเห็นได้ชัด
นอกจากในรายที่เป็นวัณโรคปอดแทรกซ้อนอยู่ด้วย ในรายเช่นนี้จะทำให้มีอาการเป็นไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หอบเหนื่อย น้ำหนัก
ตัวลด อาจตรวจพบเชื้อวัณโรคในเสมหะ สำหรับโรคมะเร็งปอดไม่มีรายงานชัดเจนเกี่ยวกับอัตราการพบมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นในผู้ป่วย
ซิลิโคสิส


โรคนี้เกิดได้ทั้งแบบเฉียบพลันภายใน 5 ปี หรือแบบเรื้อรังค่อยเป็นค่อยไป 20-40 ปี มักเป็นวัณโรค
ปอดได้ง่าย มีอาการรุนแรง และรักษาหายยากกว่าคนทั่วไป ตรวจสมรรถภาพ ปอดมีความจุปอดลดลง
ภาพถ่ายรังสีปอดผิดปกติพบจุดทึบเล็กๆ กระจายอยู่ทั่วไป
การรักษา ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ เพียงแต่รักษาตามอาการและลดอาการ แทรกซ้อน

การรักษา

1. ให้คนงานสวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นโดยเฉพาะ
2. ควบคุมแหล่งที่ก่อให้เกิดฝุ่นไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจายออกสู่บริเวณที่คนทำงานอยู่ เช่นการติดตั้งระบบระบายอากาศเฉพาะที่  การใช้สเปรย์น้ำ
    การสร้างระบบปิดคลุม
3. แยกงานที่ทำให้เกิดฝุ่นออกจากงานอื่นๆ เพื่อป้องกันคนงานที่ไม่เกี่ยวข้อง ต้องหายใจเอาฝุ่นสารเข้าไป
4. การควบคุมที่ผ่านทาง ได้แก่ การลดฝุ่นบริเวณทั่วไปภายในโรงงาน ปรังปรุงถนน ฉีดพรมน้ำถนน
5. ให้ความรู้ การอบรมวิธีการทำงานที่ปลอดภัย การเฝ้าระวังด้านสุขภาพ การใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
6. ตรวจร่างกายประจำปี โดยการทดสอบสมรรถภาพของปอดและการเอกซเรย์ปอด


แหล่งข้อมูลอ้างอิง

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กลุ่มโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม

สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 นครราชสีมา